วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เกาลัดของโปรดของใครหลายๆคน

เกาลัดคั่วที่เห็นมากแถวเยาวราช มักจะมีเม็ดสีดำเล็กๆ คั่วรวมอยู่ด้วย หลายคนคิดว่าเป็นเมล็ดกาแฟ จริงๆ แล้วไม่ใช่ เจ้าเม็ดสีดำเล็กนั้นคือเม็ดทรายขนาดประมาณ 3-5 มิลลิเมตร เป็นทรายที่ใช้ในการก่อสร้าง หรือที่เห็นตามตู้ปลาสีออกน้ำตาลพ่อค้าจะนำเอาทรายแห้งใส่ลงไปในกระบะใบใหญ่ พอทรายร้อนระอุได้ที่จนเป็นสีดำก็จะนำเอาลูกเกาลัดใส่ลงไป บางร้านเติมน้ำตาลทรายคั่วรวมกันให้ได้รสหวานบางเจ้าเพิ่มกลิ่นหอมด้วยการใส่เมล็ดกาแฟคั่วรวมไป เหตุผลที่ต้องใช้เม็ดทราย ก็เพราะเม็ดทรายช่วยเก็บความร้อนไว้ได้ ซึ่งดีนักสำหรับการทำให้เกาลัดสุกถึงเนื้อผลด้านใน เพราะหากสังเกตกันดีๆ เนื้อผลของเกาลัดนั้นจะไม่ติดกับเปลือก ดังนั้นการใช้ทรายที่ร้อนระอุตลอดเวลาจะช่วยให้เนื้อเกาลัดค่อยๆ สุก แต่ต้องหมั่นคนเพื่อไม่ให้เกาลัดไหม้ ซึ่งจะคั่วกันนานราว 30-40 นาที เม็ดทรายนั้นใช้ได้นานกว่า 1 เดือน เรียกว่าคั่วเกาลัดได้หลายกระทะจนทรายที่เป็นเม็ดเริ่มป่นเป็นผงนั่นแหล่ะจึงจะเปลี่ยนไปใช้เม็ดทรายชุดใหม่
ที่มา : นิตยสาร ครัว krua vol. 13 no. 149 November 2006

เกาลัดหนึ่งในของโปรดที่เราคนนี้ชอบกินเป็นประจำ...เลยนำข่าวนี้มาขบคิดกันนะ

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แด่...ทุกๆคน


อีกไม่กี่วันก็จะผ่านพ้น ปี 52 ไปอีกแล้ว มันเวลาช่างผ่านไปแสนรวดเร็ว
ในโอกาสนี้ก็ขอฝากบทกลอนดีๆไว้ให้กับทุกคนในโอกาสนี้

365 วันผ่านไป
อดใจไม่ไหว..ว่ามันไวเหมือนล้อเล่น
ปีใหม่มาแล้วอย่าทำใจเย็น
มาเริ่มต้นทำตัวเป็นคนดีดี
ปีใหม่..ต้องทำอะไรใหม่ๆ
เริ่มต้นอะไรที่สดใสกว่านี้
ให้รางวัลกับตัวเองด้วยสิ่งดีดี
ต้อนรับวันพรุ่งนี้ Happy New Year


ขอให้สำลักความสุข
ขอให้ทุกข์กระเด็น
ขอให้เห็นรอยยิ้ม
ขอให้อิ่มความรัก
ขอให้หนักเงินทอง
ขอให้มองฟ้าสวย
ขอให้รวยความฝัน
ขอให้มั่นความดี
ขอให้มีแรงใจ
ในปีใหม่ นี้เทอญ
ตำนานขนมครก
คุณกระทิหรือ พ่อกะทิ ชายหนุ่มโผงผางผู้กำพร้าพ่อแม่ อยู่ตัวคนเดียว พูดจริงทำจริง เอาการเอางาน เสร็จจากงานนาก็มารับจ้างขี่กระต่ายส่งคนเข้าซอย ทุกคนในบ้านล้วนรักและเอ็นดูคุณกะทิ

ยกเว้นผู้ใหญ่ปรั่ง เพราะผู้ใหญ่ปรั่งมีลูกสาวสวยที่ดันมาหลงรักคุณกะทิด้วยเช่นกัน แม่แป้ง ลูกสาวคนเดียวของผู้ใหญ่ปรั่ง สาวสวยประจำหมู่บ้าน นางเจอกับคุณกะทิในวันลอยกระทง

ทั้งคู่ขี่กระต่ายสัญญากันต่อหน้าพระจันทร์ ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอุปสรรคขวางกั้นเพียงไร ทั้งคู่ก็จะขอ เอาความรักที่แท้จริงฝ่าฟันข้ามไป

แล้วคุณกะทิก็รวบรวมเอาเงินทองเท่าที่เก็บสะสมมาได้ไปบ้านผู้ใหญ่ปรั่งเพื่อสู่ขอแม่แป้ง ซึ่ง ผู้ใหญ่ปรั่งก็ต้อนรับมันอย่างดีด้วยชายฉกรรจ์ 6 คนพร้อมอาวุธครบมือ คุณกะทิก็ไม่ว่ากระไร ได้แต่ พาร่างอันสะบักสะบอมกลับไปบ้านนอนหยอดข้าวต้มหลายวัน ด้วยใจยังตั้งมั่นว่า วันหน้าจะ มาขอใหม่ ขอไปจนกว่าผู้ใหญ่จะใจอ่อน

ในที่สุดผู้ใหญ่ปรั่งก็ปิดหนทางความรักของคุณกะทิด้วยการคลุมถุงจัดงานแต่งงานให้ลูกสาวกับ ปลัดหนุ่มจากบางกอก คุณกะทิรู้ข่าว รีบวิ่งทุรนทุรายหมายจะทำลายพิธี ซึ่งผู้ใหญ่ปรั่งก็รู้ดีว่า คุณกะทิต้องมาทำแบบนี้

จึงขุดหลุมพรางดักรอไว้ แม่แป้งแอบได้ยินแผนร้ายก็แอบหนีหมายจะ ห้ามคนรักไม่ให้หลงกล

เหตุการณ์ต่อไปนี้ไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์แต่ได้ปะติดปะต่อจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ปากต่อปากมาว่า

คืนนั้นเป็นคืนเดือนแรม แม่แป้งแอบวิ่งฝ่าความมืดออกมาดักหน้าคุณกะทิ คุณกะทิเห็นแม่แป้งดีใจรีบไปหา แม่แป้งเห็นคุณกะทิ รีบวิ่งมากรีบวิ่งเข้าไปหาให้เร็วขึ้นไปอีก ฉับพลัน....ร่างของแม่แป้งก็ร่วงหล่นไปในหลุมพรางของผู้ใหญ่ปรั่งต่อหน้าต่อตาคุณกะทิทันที

อารมณ์ตกใจ คุณกะทิรีบกระโดดลงไปเพื่อช่วยเหลือ แต่สมุนชายฉกรรจ์ทั้ง 6นายของผู้ใหญ่ปรั่งไม่ทันนึก รีบเข้ามาโกยดินฝังกลบเพราะคิดว่าที่ ก้นหลุมมีเพียงคุณทิผู้เดียวที่อยู่ในนั้น

รุ่งเช้า.....ผู้ใหญ่ปรั่งเดินอมยิ้มเข้ามาขุดหลุมเพื่อดูผล ภาพเบื่องล่างพบคุณกะทิ ตระกองกอดร่าง แม่แป้งลูกสาวของตน นอนตายคู่กันอย่างมีความสุข

เมื่อยิ้มถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตา ผู้ใหญ่ปรั่งสั่งลูกสมุนสร้างเจดีย์คลุมครอบปิดหลุมนั้นไว้เพื่อเป็นเครื่อง เตือนใจคนทั่วไปว่า อย่าคิดทำร้ายหรือทำลายความรักของใครอีกเลย... สถานที่ตั้งเจดีย์นั้นไม่มีใครรู้แน่นอน

จะมีกันก็แต่เพียงอนุสรณ์แห่งความรักที่กระทำสืบทอดกันมาจนเป็นประเพณี ทุกแรมหกค่ำเดือนหก ชาวบ้านที่ศรัทธาในความรักของคุณกะทิกับแม่แป้งจะตื่นตั้งแต่เช้ามืด เข้าครัวเพื่อทำขนมที่หอมหวาน

ปรุงจากแป้งและกะทิ บรรจงแคะจากพิมพ์แล้วนำมาวางคว่ำหน้าซ้อนกันเป็นสัญลักษณ์ว่าจะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป

ขนมนี้เรียกกันในนาม ขนมแห่งความรักหรือ ขนมของคนรักกัน ที่เรียกกันย่อๆว่า ขนม ค.ร.ก

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เรื่องเล่า...ของความรัก

เรื่องเล่า ... ของความรัก

ในอดีตกาลนามมาแล้ว เขาว่ากันว่า มนุษย์ทุกคนมีหัวใจด้วยกันจริงทั้งหมดสองดวง แต่ยังมีเทวดาน้อยอยู่องค์นึง ซึ่งไม่รู้จักสิ่งที่เขาเรียกว่าหัวใจ ด้วยความที่สงสัยว่าหัวใจนั้นมันเป็นอย่างไร เทวดาน้อยจึงได้ไปถามนางฟ้าผู้ที่ดูแลทางเข้าออกของประตูสวรรค์ "ท่านนางฟ้า โปรดบอกข้า หัวใจคืออะไร" "หัวใจ ก็คือสิ่งบริสุทธิ์ สวยงามที่สุดของมนุษย์ยังไงเล่า" "แล้วสิ่งที่เรียกมนุษย์อยู่แห่งใดล่ะ" "อยู่เบื้องล่างอีกฟากของประตูสวรรค์" "เปิดประตูให้ข้าไปชมหัวใจของมนุษย์ได้มั้ย ท่านนางฟ้า" "มิได้หรอก มันผิดกฎของสวรรค์ เจ้ากลับไปซะเถอะ แค่เจ้ามาสนทนากับข้าก็ผิดมากเท่าใดแล้ว เจ้ารู้ตัวมั้ย เจ้าเทวดาน้อย" เทวดาน้อยทำทีว่าหันหลังกลับไป แต่ด้วยความที่อยากได้หัวใจมาครอบครองไว้เป็นของตน จึงได้นำคันศรธนูมา แล้วยิงไปที่นางฟ้าผู้รักษาประตูสวรรค์ หวังจะให้นางฟ้านั้นสลบไปในชั่วข้ามคืนนั้นเอง หลังจากนั้น เทวดาน้อยแอบเปิดประตูสวรรค์แล้วบินไปยังโลกมนุษย์ กลางดึกของคืนนี้เป็นคืนที่เงียบสงบ มนุษย์ทุกคนต่างหลับกันหมดแล้ว เทวดาน้อยจึงแอบบินเข้าไปในบ้านของมนุษย์ทุกคน แล้วไปเอาสิ่งที่เรียกว่าหัวใจของทุกคนบนโลกมนุษย์ มาคนละหนึ่งดวง แล้วนำลอยขึ้นไปบนสวรรค์ หวังจะขโมยกลับไปเป็นของตน แต่ระหว่างที่เทวดาน้อยกำลังกลับเข้าไปปากทางของประตูสวรรค์ได้มีนางฟ้าและเทวดาแห่งความรักยืนกั้นอยู่ เทวดาน้อยเห็นดังนั้นจึงบินหนี แต่นางฟ้าองค์นึงได้บินตามเพื่อมาแย่งหัวใจของมนุษย์ทั้งหมดไว้ แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อหัวใจทั้งหมดได้เกิดกระจายออกแล้วร่วงโปรยปรายไปยังบนโลกมนุษย์ ทำให้เกิดการสลับสับเปลี่ยนเจ้าของหัวใจกันในค่ำคืนนั้นเอง เทวดาน้อยถูกลงโทษ ด้วยการให้เป็นเด็กตลอดกาล และเปลี่ยนชื่อเป็นกามเทพให้อยู่บนโลกมนุษย์ เพื่อตามหาหัวใจอีกดวงของมนุษย์ทั้งหมดที่ไปอยู่กับใครอีกดวงหนึ่งให้มาพบกัน ตอนนี้หัวใจของคุณอีกดวงหนึ่งก็คงอาจจะอยู่กับใครบนโลกใบนี้ก็เป็นได้ อย่ารอให้กามเทพ เป็นคนหาหัวใจให้คุณ ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องตามหาหัวใจของคุณคืนมา และเมื่อคุณได้มันคืนมาแล้ว จงดูแลหัวใจคุณให้ดี อย่าได้ปล่อยให้หัวใจจากคุณไปอีก เพราะคุณอาจจะไม่มีวันเจอหัวใจอีกดวงที่แท้จริงของคุณตลอดชีวิต หรือชั่วชีวิตก็เป็นได้